ป้อมเมืองบางกอก หรือ ป้อมวิไชยประสิทธิ์
![]() |
จิตรกรรมฝาผนังวัดอัวพวันเจติยาราม สมุทรสงคราม ภาพเมืองบางกอกและป้อมบางกอก |
“...อนึ่งป้อมวิไชเยนทร์ท้ายพระราชวังนั้น ให้ชื่อป้อมวิชัยประสิทธิ์ แล้วให้ขุดที่สวนเดิมเป็นที่ท้องนานอกคูเมืองทั้งสองฟาก ให้ เรียกว่าทะเลตม ไว้สำหรับจะได้ทำนาใกล้พระนคร...”
พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับราชหัตถเลขา ได้บันทึกเรื่องของการเปลี่ยชื่อป้อมปราการทางน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวรท้ายพระราชวังเดิม ติดต่อกับปากคลองบางกอกใหญ่(คลองบางหลวง) สร้างมาครั้งสมัยอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(พ.ศ.2199-2231) มีชื่อเสียงเรียงนามเรียกตามชื่อขุนนางต่างชาติที่มีบทบาทในสมัยนั้น ซึ่งเป็นผู้ทูลเสนอกับสมเด็จ พระนารายณ์ให้มีการสร้างป้อมที่เมืองบางกอกว่า“ป้อมวิไชเยนทร์” หรือ“ป้อมบางกอก” ตามสถานที่ตั้งของป้อมปราการนี้ แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พ.ศ.2277-2325) ตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว ได้ทรงมีพระราชประสงค์ให้เปลี่ยนชื่อป้อมวิไชเยนทร์ใหม่ และทรงพระราชทานชื่อใหม่เป็น “ป้อมวิไชยประสิทธิ์”
ป้อมและเมืองบางกอกใน
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199-2231)
ป้อมบางกอก หรือ ป้อมวิไชเยนทร์ ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ตั้งอยู่แขวงวัดอรุณฯ เขตบางกอกใหญ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปากคลองบางกอกใหญ่ มีประวัติการปรากฏตามพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่า “ ...ที่เมืองบางกอกมีป้อมปืนอยู่แล้วทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ป้อมทางตะวันตกเป็นป้อมขนาดใหญ่ ส่วนทางตะวันออกเป็นป้อมขนาดเล็ก ป้อมทั้งสองมีลักษณะการก่อสร้างยังไม่แข็งแรงนัก..." ต่อมาเมือง ธนบุรีหรือบางกอกในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199-2231) หลังจากที่ฮอลันดานำกองเรือรบมาปิดปากน้ำของไทยใน พ.ศ.2207 หลังเกิดความขัดแย้งทางการค้ากันนั้น ความสำคัญของเมืองบางกอกเพิ่มขึ้น และทรงหาหนทางสร้างเสริมความสำคัญของเมืองในฐานะกุญแจสำคัญของพระราชอาณาจักร เมืองยุทธศาสตร์ทางทะเล และเมืองท่าเพื่อการค้าในระดับนานาชาติ การพัฒนาเมืองบางกอกให้เป็นรูปธรรมของสมเด็จพระนารายณ์นี้ สอดคล้องกับแนวคิดของเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ (Costantino Paulkon)ที่ทูลเสนอต่อสมเด็จพระนารายณ์ฯตามพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาความว่า
“...ขอให้ก่อป้อมใหญ่ไว้ ณ เมืองธนบุรีทั้งสองฝากฝั่งน้ำ และจะทำสายโซ่ อันใหญ่ขึงขวางน้ำตลอดถึงกันทั้งสองฝั่งฟาก สำหรับจะป้องกันอรินราชไพรี จะมีทางทะเล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสเห็นชอบด้วยโดยถ้อยคำเจ้าพระยาวิชาเยนทร์กราบทูลนั้น แลทรงพระกรุณาดำรัสให้เจ้าพระยาวิชาเยนทร์เป็นแม่กองก่อป้อม…
ป้อมบางกอก ที่เจ้าพระยาวิไชเยนทร์เป็นแม่กองสร้างขึ้นนั้นส้นนิฐานจากการจดบันทึกของชาวต่างชาติที่ได้พบเห็นป้อม ว่าน่าจะมีลักษณะเป็นป้อมอิฐเล็กๆมีสายโซ่ขึงขวางแม่น้ำ ระหว่างป้อม โดยมีกำลังทหารต่างชาติและทหารไทยรวมกันอยู่ประจำป้อมมีกำลังประมาณ 400 คนเท่านั้น
ต่อมาในปี พ.ศ.2228 เชอวาลิเอร์ เดอโชมองต์(Chevalier de Chaumont) หัวหน้าคณะราชทูตฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามากรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(พ.ศ.2199-2231) จะเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศสตอนปลายปี พ.ศ.2228นั้น สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงขอให้วิศวกรฝรั่งเศส คือ เมอสิเออ เดอ ลามาร์ (Da la Mare) และนายทหารเรือฝรั่งเศส คือ เชอวาเลีย เดอ ฟอร์บัง (Chevalier de Forbin) หรือ ออกพระศักดิสงคราม รับตำแหน่งเจ้าเมืองบางกอก เพื่อไว้ก่อสร้างป้อมที่เมืองบางกอกให้มีความมั่นคงแข็งแรงตามแบบชาวยุโรป ร่วมกับเจ้าพระยาวิไชเยนทร์ และฝึกทหารสยามแบบยุโรปด้วย |
ภาพวาดป้อมบางกอก..จากชาวฮอลลันดา |
เพิ่งเริ่มเขียนนะครับ
ตอบลบช่วงนี้จะปิดเทอมแล้ว...ไม่รู้ว่าจะได้เยอะไหม
ใจเย็นๆๆ นะคับ